มาทำความรู้จักกับอาการผิดปกติของผู้ชาย ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ชายทุกวัย นั่นคืออาการ ไพรอาพิซึม (Priapism) หรือ ภาวะองคชาติแข็งค้างนานกว่าปกติ ซึ่งเป็นภาวะที่ไม่ควรปล่อยไว้นาน จำเป็นที่จะต้องพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที เพราะอาจนำไปสู่การเกิดอาการข้างเคียงอื่นๆ ได้ สาเหตุผลการเกิด Priapism
พบว่าในปัจจุบัน ผู้ชายที่มีอาการอวัยวะเพศแข็งค้างมีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งสาเหตุหลักๆ ของภาวะดังกล่าว ไม่ได้เกิดจากความต้องการทางเพศ แต่มีสาเหตุมาจาก
1.การดื่มแอลกอฮอล์และสารเสพติด
เป็นปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่เชื่อได้เลยว่า 90% ของผู้ชายที่เกิดภาวะนี้ ดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้สารเสพติด อาทิเช่น กัญชา โคเคน รวมถึงการสูบบุหรี่เป็นประจำ ซึ่งปัจจัยพวกนี้ทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือดบริเวณอวัยวะเพศ จึงส่งผลให้องคชาติแข็งนานกว่าปกตินั่นเอง
2.การรับประทานยาบางชนิด
ตัวอย่างเช่น ยาต้านอาการซึมเศร้า ยารักษาความดันโลหิตสูง ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรืออื่นๆ ต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์เป็นประจำ เกี่ยวกับผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดอาการรุนแรงและส่งผลไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย
3.เป็นอาการของโรคบางอย่าง
ในผู้ป่วยโรคเกาท์ โรคอะไมลอยด์โดสิส โรคมะเร็ง หรือการเป็นโรคซิฟิลิสที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งมักจะทำให้เกิดภาวะการแข็งตัวของอวัยวะเพศนานกว่าปกติ
อาการของ Priapism
สำหรับการเกิดภาววะไพรอาพิซึม มักเกิดในช่วงวัย 20 ปี ไปจนถึง 50 ปี อาการที่สามารถสังเกตได้เบื้องต้นคือ อวัยวะเพศแข็งนานกว่าปกติ ซึ่งอาจมากกว่า 4 ชั่วโมงในบางคน ซึ่งจะรู้สึกได้ว่าแกนกลางแข็ง แต่ในขณะเดียวกันส่วนปลายองคชาติกลับอ่อนหรือคลายตัว ในบางคนอาจมีอาการปวดร่วมด้วย
วิธีการป้องกันและรักษาอาการ Priapism
วิธีป้องกันการเกิดภาวะนี้ สามารถทำได้จากการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง แต่เนื่องจากอาการองคชาติแข็งตัวนาน เป็นภาวะที่เกิดขึ้นฉับพลัน ซึ่งไม่มีใครรู้เลยว่าจะเกิดตอนไหน ดังนั้นวิธีเบื้องต้นที่คุณผู้ชายสามารถรักษาตัวเองได้ มีดังนี้
- เดินหรือย่องเบาๆ ไม่ควรออกแรงมากเกินไป เพราะอาจทำให้องคชาติเกร็งหรือปวดได้
- ดื่มน้ำให้มาก จะส่งผลให้ถ่ายปัสสาวะได้บ่อยขึ้น และลดอาการแข็งค้างลง
- อาบน้ำอุ่น เพื่อให้อุณหภูมิของน้ำไปละลายเลือดที่แข็งตัวอยู่
- ไม่ควรประคบด้วยน้ำแข็ง หรือของเย็น เพราะจะทำให้เลือดแข็งตัวมากกว่าเดิม
- ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ขณะที่เกิดภาวะนี้
ภาวะอวัยวะเพศแข็งนานกว่าปกติ อาจเป็นอันตรายได้หากรักษาไม่ทัน เนื่องจากการแข็งตัวของเลือด จะลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ทำให้เลือดไม่ไหลเวียนตามปกติ หากใครเกิดภาวะนี้ขึ้น จำเป็นที่จะต้องพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็ว เพื่อหยุดผลข้างเคียงและอันตรายอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมานั่นเอง